บทความ

ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic ส่งผลดีต่อโครงการตึกสูงมากกว่าที่คิด

ทำไมการเลือกใช้...ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic จึงส่งผลดีต่อโครงการตึกสูง?

ในปัจจุบัน การก่อสร้างโครงการตึกสูงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการทางด้านที่อยู่อาศัย และพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ออฟฟิศ คอนโด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอีกมากมาย

  การสร้างตึกสูง ควรคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโครงสร้างให้มีความมั่นคง ระบบความปลอดภัยในอาคารระบบท่อในอาคาร การใช้วัสดุที่มีความเหมาะสม ระบบพลังงาน หลักสถาปัตยกรรม และความสวยงาม และการบริหารต้นทุนงบประมาณ เป็นต้น

  ในส่วนนี้จะขอกล่าวถึงระบบระบายน้ำฝน ที่เป็นส่วนสำคัญของอาคารสูง โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หากไม่มีการจัดการที่ดี ระบบระบายน้ำฝนอาจทำให้เกิดปัญหาหลายประการ เช่น น้ำฝนล้นไหลเข้าภายในอาคาร หรือการเสื่อมสภาพของโครงสร้างที่เกิดจากน้ำฝนที่ไม่สามารถระบายออกได้อย่างเหมาะสม

ใช้ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic ส่งผลดีอย่างไรกับโครงการตึกสูง?

ในโครงการตึกสูง การระบายน้ำฝนจากหลังคาลงมาสู่ด้านล่าง จะต้องใช้ท่อที่มีความยาวมาก ตามความสูงของตึก ยิ่งโครงการ มีพื้นที่หลังคาหลายส่วน ก็จำเป็นจะต้องมีท่อน้ำฝนรองรับแต่ละพื้นที่มากตามไปด้วย สิ่งที่เกิดขึ้น คือ

  • ขนาดท่อน้ำฝนต้องใหญ่เพียงพอที่จะระบายน้ำแต่ละพื้นที่ได้
  • พื้นที่หลังคามีหลายส่วน ทำให้ท่อ Riser ของน้ำฝนมากตามไปด้วย
  • ยิ่งตึกสูง ยิ่งใช้ท่อปริมาณมาก ตามความสูงของตึก
  • ต้องใช้ช่อง Shaft หลายจุดเพื่อรองรับท่อน้ำฝนและท่ออื่นๆ

การนำระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic ซึ่งเป็นระบบระบายน้ำฝนประสิทธิภาพสูง มาใช้แทนระบบระบายน้ำฝนแบบเก่า มีส่วนช่วยให้โครงการตึกสูง ลดปริมาณการใช้วัสดุ เพิ่มพื้นที่ใช้สอย และการลดต้นทุนในการทำระบบระบายน้ำฝน

1. ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic ออกแบบให้น้ำฝนไหลแบบเต็มท่อ เพื่อให้ความดันภายในท่อเปลี่ยนไปเป็นความดันติดลบ เกิดแรงดูดในระบบท่อน้ำฝนขึ้นตามธรรมชาติ ช่วยระบายน้ำให้เร็วขึ้นกว่าระบบระบายน้ำฝนเดิมถึง 10 เท่า และยังใช้ท่อขนาดเล็กกว่าระบบระบายน้ำฝนแบบกราวิตี้ทั่วไป

ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic ออกแบบให้น้ำฝนไหลแบบเต็มท่อ

2. ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic สามารถรวบหัวระบายน้ำฝนจากหลายพื้นที่ ด้วยท่อเพียงเส้นเดียว โดยที่ท่อแนวนอนไม่ต้องทำ Slope เพราะต้องการให้น้ำเต็มท่อเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดแรงดูดในระบบท่อ จึงทำให้น้ำไหลเร็วขึ้น ซึ่งต่างจากระบบระบายน้ำฝนกราวิตี้ ที่จะต้องทำให้ท่อแนวนอนมี Slope เพื่อช่วยให้น้ำไหลเร็วขึ้น การที่มีท่อแนวนอนยาวมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยด้านล่าง ระบบกราวิตี้จึงไม่นิยมรวบหัวระบายน้ำฝนจากหลายๆพื้นที่ลงสู่ท่อเส้นเดียวกัน ส่งผลให้มีท่อ Riser จำนวนมาก

ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic สามารถรวบหัวระบายน้ำฝนจากหลายพื้นที่ ด้วยท่อเพียงเส้นเดียว

3. เมื่อท่อแนวนอนไม่ต้องทำ Slope ทำให้เดินท่อได้อย่างอิสระไปยังจุดที่ต้องการได้ ช่วยเพิ่มความสวยงามให้อาคาร และสามารถเดินท่อบนฝ้าได้ยาวโดยไม่สูญเสียพื้นที่ใช้สอยในอาคาร

ท่อแนวนอนไม่ต้องทำ Slope ทำให้เดินท่อได้อย่างอิสระไปยังจุดที่ต้องการได้

4. ด้วยประสิทธิภาพที่สูงกว่าระบบกราวิตี้ถึง 10 เท่า ระบบระบายน้ำฝน JAS Siphonic จึงสามารถลดจำนวนท่อ Riser ลงได้จำนวนมาก เมื่อเทียบกับระบบกราวิตี้ ยกตัวอย่างเช่น ตึกที่มีความสูง 150 เมตร หากเราสามารถลดท่อน้ำฝนลงได้ 5 Riser นั่นคือ เราสามารถลดปริมาณท่อลงไปได้ถึง 750 เมตร

ลดจำนวนท่อ Riser ลงได้จำนวนมาก เมื่อเทียบกับระบบกราวิตี้

5. เมื่อจำนวนท่อ Riser ลดลง จำนวนช่อง Shaft ที่ทำไว้รองรับท่อน้ำฝนก็จะลดลงตามไปด้วย

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดท่อ การลดปริมาณท่อลงจำนวนมาก รวมถึงการลดจำนวนช่อง Shaft ส่งผลให้ใช้เวลาในการติดตั้งลดลง ช่วยประหยัดค่าแรง จากทุกข้อที่กล่าวมาส่งผลให้ลดต้นทุนในการทำระบบระบายน้ำฝน และต้นทุนโครงการลดลงตามไปด้วย

     นอกจากนั้น การออกแบบและติดตั้งระบบระบายน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพสูง จะช่วยให้การอยู่อาศัย หรือการทำงานในอาคารสูงปลอดภัยยิ่งขึ้นในระยะยาว

เราพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการออกแบบระบบระบายน้ำฝน Siphonic โดยสามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่

Scroll to Top